วิทยานิพนธ์ (รป.ม.)--มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, 2554

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) ศึกษาระดับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2) ศึกษาผลสำเร็จตามภารกิจของข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับผลสำเร็จตามภารกิจของข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือข้าราชการ
ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จำนวน 409 คน ได้มาจาการสุ่มตัวอย่างแบบง่ายเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางเมื่อพิจารณารายด้านเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ ด้านการกระตุ้นเชาว์ปัญญาด้านการสร้างแรงบันดาลใจและด้านการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ ดังนั้น ผู้นำต้องมีการคิดและการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เพื่อกระตุ้นผู้ตามให้ตระหนักถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหน่วยงานทำให้ผู้ตามมี ความต้องการหาแนวทางใหม่ ๆ มาแก้ปัญหาในหน่วยงาน
2. ผลสำเร็จตามภารกิจของข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในภาพรวม
อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณารายด้านเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ได้แก่ด้านการควบคุมและจัดการจราจร ด้านการบริหารและบริการทั่วไป และด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้น จึงต้องให้ความรู้แก่ประชาชนทุกครั้งที่มีการจับกุมหรือซักถามเพื่อช่วยเสริมสร้างวินัยจราจรให้แก่ประชาชน ทำให้เกิดผลสำเร็จตามภารกิจ
3. ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีความสัมพันธ์กับผลสำเร็จตามภารกิจของข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในทิศทางเดียวกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ดังนั้น เมื่อผู้นำเกิดภาวะผู้นำที่ดีและเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้ตามจะทำให้เกิดผลสำเร็จตามภารกิจของข้าราชการตำรวจตามมาด้วย
ข้อค้นพบจากการวิจัย คือ ผู้นำมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติงานของบุคลากรความสำเร็จของภารกิจและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของหน่วยงานตำรวจด้วยเช่นกัน

บริจาค ; 30/10/55