ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานกับการบริหารงานบุคคลของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพิ้นที่การนศึกษา ประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 : วิทยานิพนธ์ = The reletionship between school-based management and personnel administration of schools under the Phetchaburi primary educational service area office 1/ จำเรียง นิลพงษ์
Call number: วพ 371.2 จ375ค Material type: BookPublisher: เพชรบุรี : สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, 2555Description: (10), 132 แผ่น : ภาพประกอบ ; 30 ซม. + ซีดีรอม 1 แผ่นOther title: The reletionship between school-based management and personnel administration of schools under the Phetchaburi primary educational service area office 1Subject(s): มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา -- วิทยานิพนธ์ | มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี -- วิทยานิพนธ์ -- พ.ศ. 2555 | การบริหารการศึกษา -- วิทยานิพนธ์ | โรงเรียน -- การบริหาร -- วิทยานิพนธ์ | การบริหารงานบุคคล -- วิทยานิพนธ์DDC classification: วพ 371.2 จ375ค Online resources: Fulltext Dissertation note: วิทยานิพนธ์ (ค.ม.)--มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, 2555 Summary: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน 2) ศึกษาการบริหารงานบุคคลของโรงเรียน 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานกับการบริหารงานบุคคลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 116 คน ครู และคณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 349 คน รวม 465 คน ซึ่ งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ของเพียร์สัน ผลการวิจัย พบว่า 1. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน โดยรวมอยู่ในระดับมากด้านที่อยู่ในอันดับแรก คือ หลักการตรวจสอบและถ่วงดุลรองลงมา คือ หลักการคืนอำนาจการจัดการศึกษาให้ประชาชน และด้านที่อยู่ในอันดับสุดท้ายคือหลักการกระจายอำนาจ 2. การบริหารงานบุคคลของโรงเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากด้านที่อยู่ในอันดับแรก คือ ด้านการวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่งรองลงมา คือ ด้านการพัฒนาบุคคลและด้านที่อยู่ในอันดับสุดท้าย คือ ด้านการออกจากราชการ 3. ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานกับการบริหารงานบุคคลของโรงเรียน โดยรวมมีความสัมพันธ์กันในทิศทางบวกอยู่ในระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ข้อค้นพบจากการวิจัย คือผู้บริหารควรมีนโยบายในการกระจายอำนาจโดยให้ประชาชนในชุมชนเข้ามาร่วมตัดสินใจในการบริหารงานให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและวัตถุประสงค์ การค้นปัญหาและสาเหตุของปัญหาภายในชุมชน และได้เสนอแนวทางและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้านวิชาการด้านงบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการบริหารทั่วไปของสถานศึกษา เพื่อการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพItem type | Current library | Collection | Call number | Copy number | Status | Date due | Barcode |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Thesis/Research | PBRU Library บรรณราชฯ ชั้น 5 | วิทยานิพนธ์ มรภ.เพชรบุรี ชั้น 5 | วพ 371.2 จ375ค (Browse shelf(Opens below)) | 1 | Available | 1000170572 | |
Thesis/Research | PBRU Library บรรณราชฯ ชั้น 5 | วิทยานิพนธ์ มรภ.เพชรบุรี ชั้น 5 | วพ 371.2 จ375ค (Browse shelf(Opens below)) | 2 | Available | 1000170573 |
Browsing PBRU Library shelves, Shelving location: บรรณราชฯ ชั้น 5, Collection: วิทยานิพนธ์ มรภ.เพชรบุรี ชั้น 5 Close shelf browser (Hides shelf browser)
วิทยานิพนธ์ (ค.ม.)--มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, 2555
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน 2) ศึกษาการบริหารงานบุคคลของโรงเรียน 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานกับการบริหารงานบุคคลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 116 คน ครู และคณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 349 คน รวม 465 คน ซึ่ งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ของเพียร์สัน
ผลการวิจัย พบว่า
1. การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน โดยรวมอยู่ในระดับมากด้านที่อยู่ในอันดับแรก คือ หลักการตรวจสอบและถ่วงดุลรองลงมา คือ หลักการคืนอำนาจการจัดการศึกษาให้ประชาชน และด้านที่อยู่ในอันดับสุดท้ายคือหลักการกระจายอำนาจ
2. การบริหารงานบุคคลของโรงเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากด้านที่อยู่ในอันดับแรก คือ ด้านการวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่งรองลงมา คือ ด้านการพัฒนาบุคคลและด้านที่อยู่ในอันดับสุดท้าย คือ ด้านการออกจากราชการ
3. ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานกับการบริหารงานบุคคลของโรงเรียน โดยรวมมีความสัมพันธ์กันในทิศทางบวกอยู่ในระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
ข้อค้นพบจากการวิจัย คือผู้บริหารควรมีนโยบายในการกระจายอำนาจโดยให้ประชาชนในชุมชนเข้ามาร่วมตัดสินใจในการบริหารงานให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและวัตถุประสงค์ การค้นปัญหาและสาเหตุของปัญหาภายในชุมชน และได้เสนอแนวทางและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้านวิชาการด้านงบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการบริหารทั่วไปของสถานศึกษา เพื่อการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ
บริจาค ; 02/11/2012
There are no comments on this title.